กฎกระทรวง ฉบับที่ 369 (พ.ศ. 2563) ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการปรับปรุงรายได้และรายจ่ายของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กัน ได้กำหนดสาระสำคัญเกี่ยวกับหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไขให้เจ้าพนักงานประเมินใช้เป็นแนวทางในการปรับปรุงจำนวนรายได้ที่พึงได้รับและรายจ่ายที่พึงได้จ่ายระหว่างบริษัทในเครือเดียวกันตามนิยามของมาตรา 71 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากรไว้ 2 ประการ ได้แก่
- ลักษณะของ “ข้อกำหนดทางด้านการพาณิชย์หรือการเงิน” ที่ต้องถูกตรวจสอบราคาโอนของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กัน (“บริษัทไม่อิสระ”) จะต้องเข้าองค์ประกอบดังต่อไปนี้
1.1 มีข้อกำหนดทางด้านการพาณิชย์หรือการเงินระหว่างกัน
1.2 ข้อกำหนดตาม 1.1 แตกต่างจากข้อกำหนดในลักษณะเดียวกับที่บริษัทฯ ที่ดำเนินการโดยอิสระควรได้กำหนด (“บริษัทอิสระ”)
1.3 ข้อกำหนดตาม 1.1 มีผลทำให้เกิดการโอนถ่ายกำไรระหว่างกัน ผ่านกลไกดังนี้
ก. กรณีการซื้อขายสินค้าหรือบริการ ราคาที่ซื้อขายนั้นแตกต่างจากราคาซื้อขายสินค้าหรือบริการ ชนิดหรือประเภทเดียวกันและภายใต้สภาวการณ์เดียวกันของบริษัทอิสระ หรือ
ข. กรณีดอกเบี้ย ค่าบริการทางการเงิน รายได้หรือรายจ่ายอื่นๆ ราคาโอนเหล่านั้นแตกต่างจากราคาที่บริษัทอิสระพึงได้รับหรือได้จ่าย
- หลักเกณฑ์และวิธีการในการกำหนดราคาที่พึงได้รับหรือพึงได้จ่ายระหว่างกันของบริษัทไม่อิสระ ซึ่งเจ้าพนักงานประเมินจะต้องนำมาพิจารณาปรับใช้ดังต่อไปนี้
(1) กรณีที่ “บริษัทไม่อิสระ” มีการกระทำธุรกรรมในลักษณะเดียวกันกับ “บริษัทอิสระ” อย่างเป็นปกติธุระ ให้ใช้ข้อมูลเกี่ยวกับรายได้หรือรายจ่ายจากธุรกรรมดังกล่าวของบริษัทอิสระในการพิจารณา
(2) กรณีที่ไม่เข้าเงื่อนไขตาม (1) ให้ใช้ข้อมูลการทำธุรกรรมลักษณะเดียวกันระหว่าง “บริษัทอื่น” ไม่ว่าธุรกรรมนั้นจะกระทำในหรือนอกประเทศ หรือกระทำโดยบริษัทซึ่งตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยหรือกฎหมายต่างประเทศ ในการพิจารณากำหนดจำนวนรายได้ที่พึงได้รับและรายจ่ายที่พึงได้จ่าย
เมื่อคำนวณหาราคาที่พึงได้รับหรือพึงได้จ่ายตามข้อ 2. ได้แล้ว ให้นำราคาดังกล่าวไปใช้ในการคำกำไรสุทธิที่ต้องเสียภาษีตามมาตรา 65 หรือมาตรา 70 และมาตรา 70 ทวิ ตามแต่กรณี
นอกจากนี้ในวันเดียวกันราชกิจจานุเบกษายังได้ตีพิมพ์กฎกระทรวง ฉบับที่ 370 (พ.ศ. 2563) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการกำหนดจำนวนรายได้ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตามมาตรา 71 ตรี วรรคสาม กำหนดให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีรายได้จากกิจการหรือเนื่องจากกิจการในรอบระยะเวลาบัญชี (เริ่มในหรือหลังวันที่ 1 มกราคม 2562 เป็นต้นไป) เป็นจำนวนเงินไม่เกิน 200 ล้านบาท ได้รับยกเว้นไม่ต้องจัดทำรายงานข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กันและมูลค่ารวมของธุรกรรมระหว่างกันในแต่ละรอบระยะเวลาบัญชี (Disclosure Form)ตามที่กำหนดในมาตรา 71 ตรี วรรคแรก แห่งประมวลรัษฎากร แต่อย่างใด